Tuesday, June 7, 2011

ชเวดากอง ยังไม่สิ้นแสงตะวัน






วันแรกของเราในครั้งแรกที่ย่างกุ้งนานมากและก็สิ้นแสงตะวันสุดท้ายกันที่นี่ ชเวดากอง ซึ่งก็สิ้นแรงเบตเตอร์รีกล้องถ่ายรูปเหมือนกัน อาศัยรูปจากนุ้ยได้เก็บเป็นความทรงจำ และต้องใช้มุกถ่ายด้วยโทรศัพท์
ชเว ตามคำแปลหมายถึงทอง ดากองเป็นชื่อเมือง หมายถึงทองแห่งเมืองดากอง อ่านประวัติเจดีย์แห่งนี้ เริ่มสร้างมาหลายยุคสมัยและมีการบูรณให้มีฐานกว้างและขนาดที่สูงขึ้นมาเป็นลำดับ วันหลังมีโอกาศจะได้นั่งพิมพ์รายละเอียดการก่อสร้างเก็บไว้ วันนี้ยังพอมีเวลาหลังเลิกงานเก็บเกี่ยวความทรงจำไว้ก่อน ที่ชเวดากองเก็บค่าเข้าชมเหมือนกันทุกทีทุกที่สำหรับชาวต่างชาติ และสำหรับเมืองย่างกุ้งค่าเข้าชมที่นี้แพงที่สุด (ไม่นับภัตราคารการเวก) จ่ายค่าเข้าชมโปราณสถานและฝากรองเท้าไว้ตามธรรมเนียมจะมีลิฟท์ขึ้นไปโดยละเว้นการเดินขึ้นตามความสูงของเจดีย์ซึ่งก็คงทุ่นแรงเดินทางดิ่งไว้เดินทางราบอ้อมให้ครบสามรอบก็แล้วกัน ฮ่าฮ่า
สวยมากจริง ๆ และความสะอาดก็ดีมาก มีส่วนปราสาทที่สร้างด้วยไม้สักเสริมให้เห็นศรัทธาและฝีมือที่วิจิตรบรรจง เดินชมความงามได้อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย สักพักเราก็เห็นพิธีร่วมแรงกวาดขยะ มีชาวพม่าหลายคนร่วมกันกวาดตามผู้นำ กวาดเป็นแถวหน้ากระดาน กิจกรรมนี้เพลินตาเป็นที่สุด นั่งดูและก็อมยิ้ม สักพักก็มีโอกาศให้สามเณรโดนอุ้ม ฮ่าฮ่า ท่าจะมาวนรอบเจดีย์ประมานนั้น ชเวดากองคงจะมีคนถ่ายภาพสวยไว้มาก จึงเดินดูเหล่ารูปปั้นเทวดา ยักษ์ และนาคน่ารัก ๆ อย่างมีความสุข ที่นี้ก็เหมือนที่อื่น ๆ ของพม่าคือจะมีการไหว้พระประจำวันเกิดและรดน้ำพระประจำวัน ซึ่งการรดน้ำเปียกไหลวนตลอดเวลา แสดงว่าการไหลของน้ำหมุนเวียนน่าจะดี และมีน้ำมีท่าไม่ขาด ผลของกิจกรรมนี้ทำให้บรรยากาศไม่อ้าว ชุ่มชื่นใจดี รออยู่ที่นี้จะแสงสุดท้ายของวัน และความมืดเริ่มมา ดีเหมือนกันเดี่ยวจะรอชมเพชรเจ็ดสีที่ยอดเจดีย์

Monday, June 6, 2011

เพลิดเพลินอีกหน่อย






ชอบใจร้านตัดเสื้อในตลาด
ชอบใจหุ่นชักแบบพม่า
ชอบใจภาพวาดงานศิลปะที่วางขาย
ชอบใจร้านขายของเบรนเนมในย่างกุ้ง (2011)

ซ้อปปิ้งด้วยตา ที่ตลาดสก็อต์






เขียนถึงตลาดสก็อตต์อีกสักรอบ เนื่องจากรอบนี้ไปมาสองรอบ ครั้งแรกนั้นเจตนาไปหาเอเจนต์ซี่บริษัททัวร์ที่พี่ดลลี่ติดต่อมา อากาศร้อนและเป็นจุดที่สี่ของวันแรกในแผ่นดินย่างกุ้ง จนทำให้เกือบกลายเป็นย่างหมูกันไปทุกคน ครั้งที่สองได้ไปเยี่ยมในวันสุดท้ายก่อนกลับ คราวนี้ความเพลิดเพลินจำเริญตาเริ่มเข้ามาหาสักที ตัวตลาดเป็นน่าเดินทีเดียวมีโซนปกติ และโซนไฮโซ อันนี้ฉันแอบจัดเขตเอง และสุดท้ายโซนแบรนเนม ในตลาดแห่งนี้มีร้านค้าย่อยประมาณ 2,000 กว่าร้าน โดยปกติทัวร์ไทยจะมีการแนะนำอย่างดี เลยได้ข้อมูลเรื่องห้องน้ำห้องท่าในตลาด ถ้าต้องการเข้าจะมีแบบนั่งยอง และชักโครก ชักโครกราคา 200 จ๊าด อาเรียกว่าห้องน้ำวีไอพี ปกติ 100 จ๊าด จ้า
เริ่มที่ด้านหน้าของตลาดติดถนนจะลักษณะเป็นห้อง ๆ กันกระจกติดเครื่องปรับอากาศ มีขายทั้งพวกหยก พลอย เครื่องประดับต่าง ๆ และร้านสินค้าพวกแบรนเนมเสื้อผ้าจากต่างประเทศ บางช่วงของบริเวณนี้มีงานภาพวาด อยู่หลายร้าน ราคาอยู่ที่ประมาณ 40 ดอลลล่าห์ ต่อชิ้นงาน
ด้านในเป็นโซนทั่วไปจิปาถะ แอบแบ่งกลุ่มกันอยุ่บ้างเช่นพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึกกระจุกกระจิก เสื้อผ้านักเรียน บรรดาเครื่องประดับที่คาดผม กิ๊บติดผมลูกปัดประเภทวิ้ง ๆ แวว วับวับทั้งหลาย อันนี้ชอบใจน่าจะเป็นร้านเสื้อบางร้านก็มีการเลือกผ้า วัดตัว และตัด แก้ลองได้เสร้จสิ้น อีกส่วนอยู่แยกมาหน่อยเป็นร้านเกี่ยวกับเสื้อผ้าชุดวิวาห์เจ้าสาวเจ้าบ่าว สวยดีเหมือนกัน สดุดใจกับงานที่คาดผมหวาย แหวน และตุ้มหูหวาย เออ น่ารักเข้าใจทำดีจริง
ส่วนโซนไข่แดง อาคารภายในมองดูหลังคาดีดีนึกไปว่าน่าจะรุ่นเดียวกับหัวลำโพงที่บ้านเราหรือเปล่า ใช้แต่เพียงอารมณืและความรู้สึกประเมิณเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งข้างเคียงชวนเชื่อถือใดใด ในโซนนี้มีกลิ่นเครื่ีองหอมคล้ายน้ำอบน้ำหอมเย็น ๆ หอมดี เมื่อแรกเดินเข้าไป ภายในคค่อนข้างมืดกว่าข้างนอก สินค้าที่ขายดูเหมือนหยก เครื่องใช้ถ้วยชามลงรัก เครื่องใช้ครัวและเครื่องเขิน (ไม่เกี่ยวกะอาย) เครื่องทองเหลือง ภาพประดับจากเศษพลอย เดินไปดีดี จะเห็นร้านไทยและป้ายไทย บางร้านมีป้ายติดคนไทยลดพิเศษ เพลินดีนะ น่าดูเชียวแหละ

Saturday, June 4, 2011

ตลาดสก็อต์







ยังไม่หมดวันแรกที่ย่างกุ้ง ต่อสักนิดที่ตลาดสก็อต์
ตลาดสก๊อต เป็นตลาดที่รวบรวมสินค้าทุกประเภท อาทิ ผ้าทอ งานไม้ อัญมณี และข้าวของเครื่องใช้ทุกชนิด. ตอนแรกที่วัดโบตาถ่องได้ยินทัวร์ไทยพูดกันอยู่ว่าจะไปต่อที่ตลาดสก็อต สำหรับฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่พี่ดลลีที่ทำการบ้านมามากที่สุดรู้จักชื่อและบอกว่าเดี๋ยวเราน่าจะไปดูบริษัททัวร์ที่จะไปอินแขวนที่แถว ๆ ตลาดนี้เช่นกัน ส่วนตัวฉันรู้จักเลา ๆ เรื่องตลาดอองซาน และรู้สึกอยากไปเดินตลาดอองซานมากกว่า เพราะชื่อที่อยู่ในใจมานาน
และแล้ว ตลาดโบยกอองซาน หรือ ตลาดสก็อต (Scott Market) สถานที่ช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศพม่า อ้อ มันก็คืออันเดียวกันนี่เอง เราเดินจากสุเลห์ไปตลาดสก็อต์ได้

ตลาดสก็อตต์รับซื้อสินค้าทั้งเงินพม่า เงินไทย และในปีนี้เงินดอลล่าห์เป็นเงินที่สามารถซื้อของได
้ราคาแพงที่สุด เมื่อเทียบกับไปกลับมาเพราะราคาอัตราแลกเปลี่ยนที่นี้ลงฉันทานุมัติว่าอย่างนั้น ตลาดสก็อตจะคล้ายตลาดกิมหยงสำหรับคนเคยไปหาดใหญ่ คล้ายตลาดวโรสสำหรับคนเหนือ ข้าวของเครื่องใช้มีมากมายเดินดูได้เพลินตา เพชรพลอย หรือเครื่องเงินเครื่องถม งานศิลปะมีให้เลือก และบริเวณโซนหน้าติดถนนมีของเบรนเนมให้เลือกซื้อประเภท โปโล และลาครอสต์ ตามใจปรารถนา เรียกได้ว่าสุขกาย สบายตา เพลินดีทีเดียว

Tuesday, May 31, 2011

ก่อนโลกจะแตกในปี 2011


ชอบชนบทนอกเมืองพม่าในปี 2011 ไม่รู้เหมือนกันว่าโลกจะแตกตอนไหน เมื่อเช้าก็มีข่าวเรื่องปฏิทินคำทำนายโลกแตกของเผ่ามายาโปราณแว่วมาจากผู้สื่อข่าวหน้าตี๋ร่างอวบขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้งหนึ่งว่าคงจะเป็นวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ผู้สื่อข่าวหน้าตี๋ร่างอวบที่ว่านี่คงอยากให้ผู้รับสารมีวิจารณญาน ฝึกการคิดพิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผลอีกครั้งหนึ่งละกระมัง ฉันหยิบภาพนี้มาดูเป็นภาพที่ชอบมากอีกภาพหนึงจากบรรยากาศที่สัมผัส เหมือนกับเมืองไทยเมื่อยี่สิบปีมาแล้วที่ฉันชอบและนึกถึงมาตลอด ตลอดทางที่ผ่านมาฉันนั่งรถอยู่กับปัจจุบันในประเทศอื่นที่มิใช่ดินแดนที่เกิดตามแผนที่ แต่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อนขณะนั้นฉันคิดว่าว่าเป็นช่วงวันที่มีความสุขที่สุขแล้ว เรียกกลับมาไม่ได้ก็จริง แต่นึกถึงได้ มองภาพนี้อีกครั้งพร้อมกับปิดโทรทัศน์อำลารายการข่าวสารและปกิณกะสาระทดสอบรอยหยักในสมองในเช้าของวันนี้ เพื่อเตรียมตัวไปที่ทำงาน แต่ความคิดถึงยังอยู่ที่อดีต ประหวัดนึกไปว่าถ้าเป็นเหมือนพิธีการอวบหน้าตี๋พูดจริงก็คงพร้อมใจ

Monday, May 23, 2011

สุเลยกสอง






สุเลพญา ในสายตาของคนไทยไม่รู้ว่าอ่านจากใครมา และเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าช่างคล้ายกับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเสียเหลือเกิน ย่านนี้เป็นอีกแหล่งที่สามารถหาเกสลเฮาส์ราคาประหยัดได้ ตึกรามบ้านช่องนอกจากเป็นสถานที่ราชการแล้ว ล้วนแต่เป็นตึกเก่า ๆ สวยงามน่าถ่ายรูปทั้งสิ้น เสียดายอยู่บ้างที่สีฟ้าไม่สดและไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ในช่วงนี้ ประตูเข้าสุเลมีได้หลายทิศ ก่อนหน้านี้เคยอ่านเจอว่าสามารถเข้าชมได้ฟรี ปี 2011 กลางปีที่เราได้เยี่ยมสุเล จะต้องจ่ายค่าเข้าชม 2 US จ้า รู้สึกว่าจะเป็นราคามาตราฐานนะนี่
เดินชมความงาม และชักจะคุ้นตากับภาพการสงน้ำพระประจำวันเกิด สดุดตาที่สุดในสุเลคือ รูปนัต ที่ได้ลงรูปไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะนัตนี้พบได้เฉพาะที่นี้ ไม่เจอะเจอในเจดีย์หรือวัดอื่นอีกตลอดทริป เทวรูปเป็นอีกศิลปหนึ่งที่ชอบมองเป็นอย่างยิ่ง เพราะชุดเครื่องทรงที่สวยรูปแบบที่ซ้ำตา และรายละเอียดที่ไม่ซ้ำกัน

Sula จากภาพเห็น





Friday, May 20, 2011

ก่อนจะถึง Sula

เมืองย่างกุ้ง เป็นเมืองหลวงของพม่าตั้งแต่ช่วงอังกฤษยึดครอง เนื่องจากเป็นเมืองท่าการเทียบเรือขนส่งสินค้ายุทธโธปกรณ์ในสมัยนั้นสะดวกสำหรับอังกฤษ คำว่าย่างกุ้งแปลว่าชนะศัตรู ปราบได้ราบคาบ พม่าเองใช้เมืองมัณฑเลย์ทางตอนเหนือเป็นเมืองหลวง เมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษทั้งประเทศพม่ายังใช้เมืองย่างกุ้งเป็นเมืองหลวงต่อไป สำเนียงเรียกของอังกฤษจึงเป็นร่างกุ้ง ต่อมานายพลเนวินเปลี่ยนชื่อเรียกกลับมาเป็นย่างกุ้ง อีกครั้ง รัฐบาลพม่าได้เปลี่ยนเมืองหลวงใหม่มาเป็น เนปีดอ (Naypyidaw)ตั้งแต่ปี 48
ปัจจุบันย่างกุ้งจึงนับว่าเป็นเมืองหลวงเก่า
เจดีสุเล เป็นศูนย์กลางของเมืองย่างกุ้ง
ข้อมูลบางส่วนได้มาจากข้อมูลของ บริษัททัวร์ กัสโต้ เวิลด์ ทัวร์ จำกัด
พระเจดีย์สุเล (SULE PAGODA) ชาวพม่าถือว่าเป็นพระเจดีย์ทองที่สวยที่สุดในพม่า และเป็นศูนย์กลางของกรุงย่างกุ้งเนื่องจากในช่วงเวลาที่อังกฤษใช้ย่างกุ้งเป็นศูนย์ศูนย์กลางการปกครองพม่า ใน ฐานะเมืองขึ้น ได้มีการพัฒนากรุงย่างกุ้งโดยสร้างถนนหนทางตามระบบ “ Block System ”โดยใช้สุเลเจดีย์เป็นจุดเริ่มต้นสร้างถนนสายหลักพุ่งออกไปทุกทิศทาง รอบ ๆ สุเลเจดีย์จึงเป็นที่ตั้งสถานที่ราชการ ศาลยุติธรรม ศาลาว่าการกรุงย่างกุ้ง และกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระนิพนธ์ว่า ชาวพม่าเรียกสุเลเจดีย์ว่า “ชเวสุเล” (Shwe Sule) หมายถึง “ จุลเจดีย์ทองคำ ” เพราะคำว่า “สุเล” เพี้ยนมาจาก “จุละ” คือเป็นเจดีย์ทององค์เล็ก ประดิษฐานเคียงข้าง “เชเวดากอง” ซึ่งเป็น “มหาเจดีย์” หรือเจดีย์ทององค์ใหญ่ สุเลเจดีย์เป็นพุทธศิลป์แบบพระสถูปแปดเหลี่ยม ที่มีทรวดทรงงดงาม ชาวพม่าถือ สุเลเจดีย์เป็น “หัวใจ” ของเมืองหลวงย่างกุ้ง ส่วนเจดีย์ชเวดากองเป็น “หัวใจ” ของชนชาติพม่าทั้งมวล อย่างไรก็ตาม ดร.สุเนตร ชุติณธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญพม่าศึกษา ให้ข้อมูลว่า “สุเล” เป็นชื่อของ “นัต” หรือภูติผีวิญญาณ 1ใน 37 ตนที่ชาวพม่านับถือคู่เคียงกับพุทธศาสนา เนื่องจากเป็น “นัต” ที่ช่วยปกป้องคุ้มครองแผ่นดินพม่าไว้ ตามตำนานแล้ว สุเลเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่สักการะบูชาและเชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า และนำทางนายวานิชสองพี่น้องให้นำพระเกศาพระพุทธเจ้ามาบรรจุในเจดีย์ชเวดากอง ชาวพม่าจึงสร้างสุเลเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแด่คุณความดีของยักษ์สุเล ซึ่งถือเป็นนัตตนหนึ่งในจิตวิญญาณของชนชาติพม่า


--------------------------------------------------------------------------------

ร้านSuZuki






ชื่อเต็ม Suzuki Drink and Thai Food
มิได้ค่าโฆษณาใด ใดทั้งสิ้น เป็นร้านอาหารที่พวกเราตัดสินใจเลือกหลังจากมีเงิน Ks อยู่ในมือ เนื่องเพราะเหตุผลแรกเป็นร้านที่อยู่ในระยะเดินจากตึกซากุระตรงไปสุเล ผ่านแนวร้านรวงต่าง ๆ ผ่านโรงหนัง และสะดุดตากับคำว่าอาหารไทย เนื่องจากพี่จิ๊บเป็นคนเห็นว่ามีเมนูเขียนเป็นตัวหนังสือไทยอยู่หน้าร้าน โอเค คนไทยรักชาติ ขณะที่พวกเราเดินเข้ามาเลยเที่ยงเกือบเป็นเวลาบ่ายโมงของนาฬิกาไทย ที่นั่งจึงหาไม่อยากนัก เพราะตัวร้านค่อนข้างแคบตกแต่งในแนวศิลป์นิดหน่อย เดิมคงตั้งใจเป็นร้านเครื่องดื่มมีกาแฟสด SuZukiขาย แต่ไม่ได้ลองสั่ง และฝนงานภาพถ่ายภาพวาดใส่กรอบบ้าง ใส่ซองบ้างประดับร้านอยู่ประปราย ป้ายเขียนข้อความว่า for sale ถามราคากันได้
เมนูในร้านสำหรับอาหารจานเดียวและกับข้าวมีไม่มากนัก มื้อนี้สั่งกะเพราหมู และผัดหมี่ ของพี่ดลลี่ ส่วนเครื่องดื่มน้ำเปล่า และน้ำส้มยี่ห้อสตาร์ หรือโคล่าแล้วชักไม่แนใจ
ระหว่างรอเห็นโต๊ะอื่นมีคนสั่งส้มตำมากิน ฮื่มฮ่ืม ฮ่าฮ่า และบางโต๊ะมีคนมานั่งซดเบียร์เย็น ๆ อาหารอีกอย่างซึ่งเป็นเมนูประจำและมีชื่อทับศัพท์เรียกเป็นชื่อไทยว่าข้าวขาหมู เห็นหาหมูวางนึ่งในหม้อพร้อมใบคะน้าเช่นเดียวกับเมืองไทย สั่งเมนูนี้ก็มีใข่อยู่ในข้าวขาหมู เหมือนกัน
อาหารที่พวกเราสั่งทำให้พ่อครัวต้องปิดประตูสับหมูและคงกันกลิ่นมารบกวนด้วย สักครูเดียวเราก็ได้กระเพาะหมู ไข่ดาว ข้าวเปล่าเสริฟมาพร้อมรับประทานได้เลย ที่นี้ขาดอยู่ก็เป็นน้ำปลา แต่รสชาติผัดกระเพราะทดแทนได้ เลยไม่มีใครเรียกร้องน้ำปลามาเหยาะไข่ดาวเลย
หมี่ผัดของพี่ดลลี่ ก็ดูหน้าตาดีน่ากิน และก็หมดจานทุกอย่าง
ร้านนี้วันมื้อหลังก่อนกลับก็เป็นร้านที่พวกเราแวะมาอีกครั้งพร้อมสั่งเมนูเดิมกัยอีกรอบ ยกเว้นพี่ดลลี่

ตึกซากุระ





ตึกซากุระ
เป็นเป้าหมายต่อไปเพื่อการแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าเป็นเงินจ๊าดเท็กซี่เห็นเราเป็นชาวต่างชาติ ที่ลุงยินดีให้ข้อมูลเรื่องสถานที่เป็นอย่างยิ่งขับไปถึงจุดไหนลุงก็จะบอกถึงตึกที่เห็นข้างหน้าไม่ขาดปาก แล้วแต่ว่าผู้โดยสารจะจับใจความได้กี่มากน้อย ลุง taxi จากวัดโปตาถ่องจึงเป็น taxi คันแรกของพวกเราในพม่าเช่นกัน ตึกซากุระ และHitashi คือตกเดียวกัน เดินมั่นใจเข้าไปข้างในจะพบเห็นบริษัทรับจองตั๋วเครื่องบินและรับแลกเงิน ก่อนหน้านี้ที่วัดโปตาถ่องเผอิญ เจอกับทัวร์ไทย ไกด์ที่บรรยายเป็นไกด์พม่าพูดไทยคล่อง มีน้องเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเพิ่งจบจากสวนดุสิตและเพิ่งทำงาน และเพิ่งมาพม่าครั้งแรกเช่นกัน อุตสาห์ให้ข้อมูลเรื่องแลกเงินมาว่า ทริปของน้องเขาไปแลกธนาคารแม้ว่าอัตราจะต่ำหน่อยแต่ก็โอเค ถูกกฏหมาย และกำชับกำชาไม่ให้ไปแลกเงินกะเอกชนทั่วไปเพราะเป็นการผิดกกหมาย
บริษัทให้อัตรา 1 ดอลล่าคือ 820 หรือ 850 ไม่แน่ใจนัก เพราะไม่ได้เก็บตัวเลข ทั้งสี่คนรวมกันแลกเงินมา 200 ดอลล่า และก็เป็นการแลกครั้งเดียวในทริปนี้ จากที่กะว่าเอาไว้ก่อน ไม่พอค่อทยอยและ การแลกเงินในพม่าต้องวางแผนพอสมควร กิตติศัพท์ที่ทุกคนได้ยินมาคือพม่าจะไม่รับเงินยับ ๆ (แต่แบงค์ของพม่าเองเปื่อยมาก) และอัตราแลกเปลี่ยนจะต่างกัน เมื่อแลกในวงเงินจำนวนน้อย อัตราจะไม่ดีเท่าแลกในวงเงินมาก
การแลกเงินครั้งนี้พวกเรานับเงินจ๊าดที่ได้เป็นธนบัตรใบละพันจ๊าดทุกใบ

โปตาถ่องตอน 4






ริมฝั่งแม่น้ำย่างกุ้ง
ถ่ายรูปเก็บตกกันแทบจะไม่หมดสำหรับวัดนี้ วันแรก จุดแรก
วัดโบตาถ่องอยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำย่างกุ้ง ริ้มฝั่งมีเรือโดยสาร เรือขนส่งสินค้า และผู้คนทั้งมาทำงาน และนั่งเล่นกระจัดกระจาย โกดังข้างในมีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ริมทางเป็นที่ขายของ แผงอาหาร ที่เดินเชื่อมต่อมาจากวัด เห็นสองหนุ่มน้อยนั่งกินขนมจีนแบบพม่าอยู่ด้วยกันยามเที่ยง แอบเก็บภาพเด็กเส้นของพม่าทั้งสองคนนิดหน่อย และเราก็เริ่มต้องหาทางไปแลกเงินซะแล้ว หมู่คณะคงเริ่มหิวเหมือนกัน พี่จิ๊บตาดีเช่นเคยเห็น taxi จอดอยู่บริเวณนั้น เราไปถามไถ่ราคาและถามเรื่องรับเงินดอลล่าไหม คุณลุง taxi ตอบตกลงจะพาไปตึกซากุระที่ต้องการให้นะครับท่าน ในราคา 3 หรือ 2 ดอลล่า ไม่แน่ใจนัก

โปตาถ่องตอน 3








พระพุทธรูปนันอู เทพทันใจ เทพกระซิบ และรูปเคารพในวัด
พระพุทธรูปนันอู เป็นพระพุทธรูปที่เคยถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์อังกฤษ สมัยพม่าตกเป็นอาณานิคม และภายหลังกลับคืนมาพม่ารวมเวลา 66 ปี ที่ถูกเคลื่อนย้ายไปจากดินแดนพม่า
เทพทันใจ เป็นเทพที่มีประชาชนนิยมไปสักการะขอพร คนไทยเชื่อว่าจะได้ทันใจเหมือนชื่อ
เทพกระซิบ/ เทพี ไม่แน่ใจนัก ว่ากันว่าต้องไปขอพรข้างหู
และรูปเคารพสักการะอื่น ๆ ในวัดโปตาถ่อง
หลังจากเคารพสักการะแล้วมีอีกจุดที่ต้องเดินไปเยื่อมให้ได้ในบริเวณนี้ คือแม่น้ำย่างกุ้ง