Monday, December 24, 2012

ของฝากที่ตลาดสก็อต

เดินต่ออีกรอบที่ตลาดสก็อต รอบแรกที่ไปเดินมุ่งไปหาบริษัททัวร์ที่พี่ดลลี่ว่า แต่ก้ไร้วี่แวว และก็เหนื่อยร้อนด้วยอากาศอันอบอ้าวของที่นี้ในช่วงต้นหน้าฝนทำเอาแต่ละคนเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน รอบสองที่ไปเดินอีกครั้งก่อนกลับจึงได้มีเวลาและอารมณ์ดูข้าวดูของและเลือกที่ระลึก ติดใจกับตลาดโซนเสื้อผ้าชุดนักเรียนที่นี้สีเขียวขาว ออกแบบเป็นรุปแบบต่าง ๆ ดู ๆไปก็มีหลายแบบเมื่อเทียบกับเมืองไทยตอนที่ฉันเป็นเด็ก ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกันเกือบทั่วประเทศ พ่อแม่บางคนเริ่มพาลูกมาดูชุดนักเรียนกันบ้างแล้ว เสื้อผ้าโสร่งและชุดประจำชาติของพม่าก็เป็นอีกมุมที่น่าเดินดู ที่นี้มีส่วนของชุดแต่งงานอยู่ด้วย หลานร้านเลย ข้าง ๆ ก็มีออกแบบการ์ดแต่งงานพร้อม รองเท้า กระเป๋า และเดินไปเดินมาเจอที่คาดผม ตุ้มหู ที่ทำจากหวาย เออน่ารักดีไม่น้อยชอบใจจัง ตลาด

ของฝากที่ตลาดสก็อต

เดินต่ออีกรอบที่ตลาดสก็อต รอบแรกที่ไปเดินมุ่งไปหาบริษัททัวร์ที่พี่ดลลี่ว่า แต่ก้ไร้วี่แวว และก็เหนื่อยร้อนด้วยอากาศอันอบอ้าวของที่นี้ในช่วงต้นหน้าฝนทำเอาแต่ละคนเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน รอบสองที่ไปเดินอีกครั้งก่อนกลับจึงได้มีเวลาและอารมณ์ดูข้าวดูของและเลือกที่ระลึก ติดใจกับตลาดโซนเสื้อผ้าชุดนักเรียนที่นี้สีเขียวขาว ออกแบบเป็นรุปแบบต่าง ๆ ดู ๆไปก็มีหลายแบบเมื่อเทียบกับเมืองไทยตอนที่ฉันเป็นเด็ก ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกันเกือบทั่วประเทศ พ่อแม่บางคนเริ่มพาลูกมาดูชุดนักเรียนกันบ้างแล้ว เสื้อผ้าโสร่งและชุดประจำชาติของพม่าก็เป็นอีกมุมที่น่าเดินดู ที่นี้มีส่วนของชุดแต่งงานอยู่ด้วย หลานร้านเลย ข้าง ๆ ก็มีออกแบบการ์ดแต่งงานพร้อม รองเท้า กระเป๋า และเดินไปเดินมาเจอที่คาดผม ตุ้มหู ที่ทำจากหวาย เออน่ารักดีไม่น้อยชอบใจจัง ตลาดโซนในอยู่ภายใต้อาคารสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเห็นเพดานโค้ง เดินไปเดินมาชักนึกไปว่าอาจเป็นสมัยเดียวกับที่หัวลำโพงถูกสร้าง บริเวณนี้จะเป็นที่ขายของที่ถูกยกระดับแพงขึ้นมาอีกนิด จำพวกหยก จำพวกพลอย มุก เครื่องใช้ลงรัก(ไม่แน่ใจเขียนถูกไหม) ในนี้มีกลิ่นของเครื่องหอมเย็น ๆ คล้าย ๆ กลิ่นน้ำอบ เป็นกลิ่นที่สะอาดดี ข้าวของทั้งหมดที่ดูมาได้และ

ซื้อของฝากด้วยตา






เขียนถึงตลาดสก็อตต์อีกสักรอบ เนื่องจากรอบนี้ไปมาสองรอบ ครั้งแรกนั้นเจตนาไปหาเอเจนต์ซี่บริษัททัวร์ที่พี่ดลลี่ติดต่อมา อากาศร้อนและเป็นจุดที่สี่ของวันแรกในแผ่นดินย่างกุ้ง จนทำให้เกือบกลายเป็นย่างหมูกันไปทุกคน ครั้งที่สองได้ไปเยี่ยมในวันสุดท้ายก่อนกลับ คราวนี้ความเพลิดเพลินจำเริญตาเริ่มเข้ามาหาสักที ตัวตลาดเป็นน่าเดินทีเดียวมีโซนปกติ และโซนไฮโซ อันนี้ฉันแอบจำกัดเขตเอง และสุดท้ายโซนแบรนเนม
เริ่มที่ด้านหน้าของตลาดติดถนนจะลักษณะเป็นห้อง ๆ กันกระจกติดเครื่องปรับอากาศ มีขายทั้งพวกหยก พลอย เครื่องประดับต่าง ๆ และร้านสินค้าพวกแบรนเนมเสื้อผ้าจากต่างประเทศ
ด้านในเป็นโซนทั่วไปจิปาถะ แอบแบ่งกลุ่มกันอยุ่บ้างเช่นพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึกกระจุกกระจิก บรรดาเครื่องประดับที่คาดผม กิ๊บติดผมลูกปัดประเภทวิ้ง ๆ แวว วับวับทั้งหลาย อันนี้ชอบใจน่าจะเป็นร้านเสื้อบางร้านก็มีการเลือกผ้า วัดตัว และตัด แก้ลองได้เสร้จสิ้น อีกส่วนอยู่แยกมาหน่อยเป็นร้านเกี่ยวกับเสื้อผ้าชุดวิวาห์เจ้าสาวเจ้าบ่าว สวยดีเหมือนกัน สดุดใจกับงานที่คาดผมหวาย แหวน และตุ้มหูหวาย เออ น่ารักเข้าใจทำดีจริง
ส่วนโซนไข่แดง อาคารภายในมองดูหลังคาดีดีนึกไปว่าน่าจะรุ่นเดียวกับหัวลำโพงที่บ้านเราหรือเปล่า ใช้แต่เพียงอารมณืและความรู้สึกประเมิณเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งข้างเคียงชวนเชื่อถือใดใด ในโซนนี้มีกลิ่นเครื่ีองหอมคล้ายน้ำอบน้ำหอมเย็น ๆ หอมดี เมื่อแรกเดินเข้าไป ภายในคค่อนข้างมืดกว่าข้างนอก สินค้าที่ขายดูเหมือนหยก เครื่องใช้ถ้วยชามลงรัก เครื่องใช้ครัวและเครื่องประดับบ้านฝังมุก เครื่องทองเหลือง ภาพประดับจากเศษพลอย เพลินดีนะ น่าดูเชียวแหละ

เมืองสิเรียม เจดีย์เยเลพญา

วันนี้ตอนเช้า ไปเที่ยว สิเรียม (Syriam) หรือ ตันลยิน Thanlyin เพราะยังไปพระธาตุอินแขวนไม่ได้ หารถจากหน้าโรงแรมไปสิเรียมด้วยความช่วยเหลือของโรงแรมต่อรองราคาและบอกจุดมุ่งหมายให้เสร็จสรรพ นอกจากนักท่องเที่ยวไทยแล้วไม่นิยมเรียกเมืองนี้ว่าสิเรียมแต่เรียกว่าตันลยิน ระหว่างทางที่ออกนอกเมืองฝนตกพร่ำ ๆพอเป็นละออง การนั่งรถออกนอกเมืองย่างกุ้งแม้ว่าถนนหนทางจะเป็นหลุมเป็นบ่อแต่ก็สุขใจด้วยอากาศที่สดชื่นบรรยากาศที่สบาย ๆ เรานั่งรถผ่านสะพานแขวนออกมาจากย่างกุ้ง และได้บังเอิญเห็นโรงแรนนานาชาติสีสันสวยงามอยู่กลางทุ่ง ที่สำคัญด่านเก็บเงินรถผ่านทางมีเยอะมาก บางด่านดูเล็ก ๆ ชวนให้คิดว่าเป็นด่านเถื่อน แต่ก็เห็นเท็กวี่ก็จ่ายอย่างดีทุกด้าน
ตลอดทางมีผลไม้กล้วย ลูกตาล ขนุนวางขายข้างทางเพลินตาดี ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ถึงจุดหมายคือเจดีย์กลางน้ำ หรือเยเลพญา ค่าเดินทางในราคาต่อรองมา 15000จ๊าด ซึ่งคนขับจะรอเราทั้งขาไปขากลับ บริเวณนี้มีเด็ก ๆ มาขอเงินมากกว่าที่อื่น ๆ ในพม่า ซึ่งสถานที่อื่นเกือบไม่มีเด็กขอเงินเพราะอย่างดีก็ขายดอกไม้ ที่นี้ค่อนข้างจะมีชาวอินเดียอยู่เยอะพอสมควรเนื่องจากสมัยก่อนถูกเกณฑ์มาทำนา ในปัจจุบันจึงอาจมีฮินดูอยู่มาก การเดินทางไปเจดีย์เยเลพญาต้องลงเรือไปซึ่งน้ำบริเวณแม่น้ำอิรวดีสีขุ่นมาก และอีกอย่างสภาพฝนพร่ำ ทำให้แรงจูงใจในการถ่ายรูปให้สวยทำได้ยากลำบาก ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนน้ำก็ดำฟ้าก็ขาว

ศรีลังกา

              ปีที่แล้ว 2012 ข้าพเจ้ามีโอกาสเดินทางไปศรีลังกา  จากญาติผู้พี่ที่เป็นน้องของข้าพเจ้าหนึ่งปี  เป็นการเดินทางที่น่าประทับใจหลายอย่าง  ทั้งเพื่อน  เนื้อหาสาระ  และมิตรภาพ  ปีที่แล้วได้จบการเดินทางไว้ที่เมืองพม่า  แล้วก็ทำงานที่กองแล้วกองอีกตรงหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่หมดสักที  ขอบคุณที่สุดญาติผู้พี่ของข้าพเจ้า  และน้องสาวที่มีส่วนช่วยในทริปนี้เป็นอย่างยิ่ง  คงเข้าเรื่องเพียงนิดหน่อยในวันนี้  เริ่มด้วยวีซ่าเข้าประเทศศรีลังกา  สามารถหามาเป็นของนักท่องเที่ยงผู้ปรารถนาได้ไม่ยากนัก  ทางศรีลังกามีระบบขอ online ที่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง  ให้ยื่นขอวีซ่า : http://www.eta.gov.lk/slvisa/visainfo/center.jsp สะดวกมากแต่ค่าธรรมเนียม  จะต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิต  รับรองวันเดียวได้  ความจริงแล้วเร็วกว่านั้นมาก ประมาณ 15 นาทีเรียบร้อย  
ข้อมูลการขอวีซ่าในครั้งนี้ต้องยกเครดิตให้พี่สุนีย์  พี่สาวที่น่ารักในทริปนี้  ที่เป็นทั้งครู  พี่  และเพื่อน
ข้าพเจ้าได้วีซ่าแล้วก็ปริ้นเอกสาร เสมอน ตั๊วสายการบินราคาประหยัดอย่างไรอย่างนั้น  เก็บติดตัวไว้ก่อน  
ธงชาติประเทศศรีลังกา
                ได้ซื้อเป็นสติกเกอร์ติดมาด้วย หลายแผ่นเลย  สองแผ่นละบาทหนึ่งกระมัง  ภายหลังแบ่งให้ปู  แลกกับอะไรสักอย่างนี่แหละ  โม้ปูไปว่าแผ่นละ 20 จนทุกวันนี้ไม่รู้ปูจะเอาไปติดที่ไหนแล้ว
                 แต่งกลอนว่าด้วยสีหลังคาบทหนึ่ง  หลังจากกลับมาจากศรีลังกาใหม่ ๆ  จนวันนี้ลืมไปแล้ว  แต่งใหม่ดูหน่อย
                 สีหลังคาสู้แสงแดดที่แผดเผา  ศรีแห่งเราสู้อุดมการณ์ที่หาญกล้า
                 ศรีแห่งศักดิ์สิทธิแห่งรักและเมตตา  รวมเป็นค่าสูงยิ่งกว่าสิ่งใด