Tuesday, April 29, 2008

2b tried to make a relationship

2b tried to make a relationship
หรือแปลเป็นไทยว่า การมองหาความช่วยเหลือของ 2b
ก่อนจะตัดสินใจให้แป๊ะช่วย ฉันก็ความพยายามก่อนโดยหาข้อมูลเรื่องเรียนต่อตามแป๊ะไกด์เป็นแนวทางมา โดยแสวงหา E-Mail และส่ง ไปหลาย ต่อหลายที่ ด้วยใจความดังนี้เลย
studybangalore@hotmail.com
มี.ค. 27, 2008 3:43 หลังเที่ยง
หัวเรื่อง Eng study
เรียน ทีมงานstudybangalore
เห็น E-mail ใน internet เรื่องการให้ข้อมูลการเรียนภาษาอังกฤษในอินเดียของคุณ จึงอยากรบกวนข้อคำแนะนำ เพราะสนใจอยากเรียนภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับคอร์สสอนฟังและพูด โดยหากเป็นคอร์สที่รับติวได้ดีมากคะ เพราะมีเวลาระยะสั้น ๆ ประมาณ 1-2 เดือน ไม่ทราบว่าพอจะมีคำแนะนำไหมคะ ที่พัก ค่าใช้จ่าย การติดต่อ เพราะหากเป็นไปได้อยากจะไปในช่วงกลางเดือนเมษา-ต้นมิย.
ต้องขอรบกวนคำแนะนำด้วยนะคะ
ลงชื่อ จริง นามสกุลจริงของฉันเอง

หลายต่อหลาย Mail เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงอยากไปตั้งแต่เมษายนเลย แต่ตัดย่อ ๆ พอไม่ให้ท้อ ฮิฮิ
และขอขอบคุณเป็นพิเศษที่คุณเต้ย ผู้ มีmail ตอบมาอย่างมีน้ำใจดีงามมาก
Mail ฉัน
สวัสดีคะคุณ taey
ต้องขอรบกวนเรื่องคำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อการฟังและการพูดเป็นคอร์ส สั้น ๆ 1-2 เดือน ที่อินเดียหน่อยนะคะ สนใจอยากไปเรียนโดยไม่ต้องผ่านเอเย่นต์นะคะ
เป็นแบบติวก็จะดีคะ เพราะอยากไปแต่ไม่รู้จะติดต่ออย่างไรดี
เจอE-mail ในinternet เลยลอง mail ถามข้อมูลมาดูนะคะ
รบกวนด้วยนะคะ
ลงชื่อ จริง นามสกุลจริงของฉันเอง

Mail ตอบ
BOWORN SANGKAYOON
สวัสดีครับ ในการไปเรียน โดยไม่ผ่านเอเจ่น จะมีปัญหาอย่างเดียวคือเรื่องที่พัก ซึ่ง ตอนนี้ ผมมีเพื่อนๆที่อยู่ทางนั้นอยู่บ้าง ซึ่งสิ่งที่ผมพอจะช่วยได้ก็คือการแนะนำที่เรียน ส่วนการหาที่พัก อาจจะต้องพึ่งคนที่อยู่ที่นั่นครับ ซึ่งเค้าจะช่วยจองไว้ให้ก่อนได้ แล้วผมจะช่วยติดต่อให้ครับ ค่าใช้จ่ายในการเรียน 2 เดือน ถือว่าถูกมากๆ ถูกกว่าค่าเครื่องบินซะอีก เรียนตัวต่อตัว วันละชั่วโมง จัน-ศุก ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2200-3200 รูปี ต่อเดือน (100 รูปี = 80 บาท โดยประมาณ) แล้วแต่เราครับว่าอยากเรียนมากน้อยแค่ไหน จะเรียนวันละ 5-6 ชั่วโมงต่อวัน ก็ได้ ซึ่ง ถือว่าคุ้มครับ ไม่ได้มากก็ ได้พอสมควรครับ ในการพูดกับ แกรมม่า 2 เดือน ส่วนค่าที่พัก ราคาจะอยู่ที่ 3500-4500 รูปี ส่วนมากจะเป็นห้องแชร์กันอยู่นะครับ ราคานี้เค้าคิดเป็นหัวนะครับ ห้องนึงจะอยู่กัน 2 คน ไม่ทราบว่าจะไปเดือนไหนครับ วางแผนไว้แล้วหรือยัง ถ้าเป็นผู้หญิงตอนนี้ก็จะดีหน่อยเพราะมี ผู้หญิงเรียนอยู่สถานที่เรียนที่ผมแนะนำให้ไปเรียนอยู่บ้าง เค้าจะได้ช่วยเซอร์วิชอะไรได้บ้างพอสมควรครับ ช่วงนี้นานๆผมเข้ามาตอบเมล์นะครับ อาจจะช้าหน่อย แต่ก็จะพยายามเข้ามาตอบให้เร็วๆครับ

ฉันไม่รู้จักน้องBOWORN เป็นการส่วนตัวแต่จาก E-mail ที่ฉันได้รับมีกำลังใจมาก แม้ว่าในที่สุดแล้วฉันจะไม่ได้ไปที่นี้ และเป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งฉันคิดว่าจะ เขียนข้อมูลที่เจอไว้บ้าง หากจะเป็นประโยชน์เล็ก ๆ ต่อใครได้บ้าง

NOK HOUK



ภาพบุคคลที่มีดาวสีฟ้า คือฉันเองซึ่งแอบทำตัวนกฮูก แบบอาย ๆ ในงานหนังสือแห่งชาติศูนย์ประชุมสิริกิต ข้างหน้าเป็นลูกค้าตัวจริงที่ซื้อหนังสือไปอินเดียของพี่วุฒิ พี่เคท ฉันยังยืนอ่านจนได้เป็นตัวประกอบอีกภาพนะ ดูซิ ขอบคุณพี่วุฒิพี่เคทไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

Sunday, April 27, 2008

DESERTATION at HYDERABAD

ในที่สุดความฝันของฉันในการเดินทางสู่อินเดียครั้งแรกก็หยุดลงที่ Hyderabad
หลังจากฉันตะลุยทำการบ้านอย่างหนักด้วยตัวเองเป็นบ้าเป็นหลังมาถึง 3 เต็ม ๆ ฉันก็ได้รับคำแนะนำที่ดีจากเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักหน้าตา แต่ปรากฏชื่ออยู่ใน Internet หลาย ต่อหลายคน หากใครสนใจอยากเรียนภาษาอาจแบ่งกันได้โดยกว้าง ๆ เป็น 2 กลุ่ม ตามความคิดของฉันเองนะฮิฮิ
1) เรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องการไปอย่างจริงจังมาก ไม่ได้ไม่มีมหาวิทยาลัยเรียนกันแน่ ๆ (อันนี้น่าจะตั้งเป้าอย่างต่ำ 6 เดือน- 1 ปีครึ่ง)
2) เรียนเสริมความรู้ภาษา อันนี้ก็ต้องแบ่งไปอีก 2 กลุ่ม
a. มองหา ตัวแทน ติดต่อทุกสิ่งอย่างให้ มักเป็นความต้องการของนักเรียนปิดเทอมที่อยากไปหา Eng summer เรียนดู
b. มองหา คนรู้จักแนะนำ และต้องการเรียนแบบเรียนติว เน้นการฟังและพูดเป็นหลัก ในกลุ่มนี้อาจไม่มีความประสงค์ต้องการคอร์สที่หนักแน่นแบบโรงเรียนกวดวิชาโดยทั่ว ๆ ไป หากคุณเป็นคนกลุ่มนี้ต้องใช้ความพยายามสูงมาก ความจริงสูงกว่ากลุ่ม 2b และอาจต้องปรับตัวเองให้กลายเป็น 2b หากไม่มีโอกาส โอกาสที่ว่านี้คือเพื่อน หรือคนรู้จัก
เมื่อฉันสำรวจความต้องการชัดเจนแล้วว่าตัวเองเป็นพวก 2b ด้วยเหตุผลนำ ๆ เลยคือ 1) เวลาไม่มากนักเจียดได้เป็นที่น่าจะ 2 เดือน เพราะฉันกำลังเรียนหลักสูตรด้านการเกษตรสาขาหนึ่งอยู่ที่เมืองไทย และต้องดำเนินการให้รีบกลับมาจบด้วย 2) ฉันมีเงินไม่มากเท่าทีควร และสุดท้าย 3) ฉันชอบชีวิตที่ต้องลำบากและดิ้นรน เพราะตัวเองหากรอดมาได้จะได้มีความภูมิใจในชีวิต (เหตุผลข้อนี้เกิดจากการที่ฉันเติบโตมาอย่างไม่ค่อยมีเงินมากมายนั่นเอง จำเป็นต้องใช้ให้คุ้มค่า )
พวก 2b จึงเหมือนพวกที่อยากได้ของที่คุ้มค่า (ฉันจะไม่ใช้คำว่าของดีราคาถูก เพราะฉันไม่เคยซื้อได้จริงในชีวิตสักครั้ง) และการเป็น 2a จะต้องมีแบบฟลุก ๆ หรือโชคช่วยนิดหนึ่งด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้หญิง 2a นี้ยากขึ้นมากอีกเพราะมีเรื่องของความปลอดภัยส่วนตัวที่ต้องคิดเอาไว้บ้าง รอบนี้ฉันดีใจมากที่ฉันสามารถเป็น 2b ได้ ต้องขอบคุณแป๊ะญาติผู้พี่ที่อายุอ่อนกว่าฉันไว้อีกครั้ง

นี่คือจดหมายที่แป๊ะเขียนมาถึงฉัน (ขออนุญาตนะแป๊ะ เผื่อมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง)
หนึ่ง (ฉันเอง)
และนี่คือข้อมูลที่แป๊ะบอกมา เนื่องจากบ้านเช่าที่นี่หายาก ถ้าให้ดีมาเช่าห้องต่อจากแป๊ะดีกว่า แป๊ะกลับ 6 พค. 51 หนึงก็มาก่อนหน้า วันสองวันก็ได้
แป๊ะจะได้บอกเจ้าของบ้านและน้องที่เขาเช่าอยู่ด้วย (7 คน) ก็แน่นพอสมควร)
ค่าเช่าห้องเดือนละ 2250 รูปี ไม่รวมค่าไฟนะ ถ้าแชร์อินเตอร์เน็ตด้วยก็เพิ่มอีก 180 รูปี
อาหารก็ทำกินเอง มีห้องครัวและอุปกรณ์ของน้องๆเขาอยู่แล้ว
น้องๆเขาจะกลับบ้านช่วงเดียวกับแป๊ะแหละ เขากลับมาอีกทีก็สิงหา 51
ก็จะเหลือน้องคนไทยอีกคนที่เรียนภาษาอยู่ถึงเดือนกรกฎา
หากหนึ่งตกลงแป๊ะก็จะบอกเขาไว้ก่อนตอนที่เขามาเก็บเงิน เกือบๆกลางเดือนแหละ
การเดินทางลองเช็คเวลามาถึงอินเดียด้วยนะ ตอนนี้สนามบินใหม่อยู่ไกลจากตัวเมือง 30 กิโลเมตร หากเวลาเหมือนเดิมอินเดียแอร์ไลน์จะถึง หนึ่งทุ่ม ซึ่งไปรับยาก
แต่หากเป็นศรีลังกา ก็ไปนอนโคลัมโบ 3-4 ชั่วโมงและมาถึงอินเดียตอนเช้า
มาวันอาทิตย์ก็ดีนะ แป๊ะและเพื่อนไม่มีเรียนจะได้ไปรับสะดวกด้วย
แป๊ะ (ญาติผู้พี่ที่อายุน้อยกว่าฉัน ฮิอิ)

Note : Tip ก่อนฉันจะตัดสินใจไปเป็น 2 b นั้น แป๊ะแนะนำฉันให้ลองหาดูที่อื่น ซึ่งพอจะมีข้อมูลติดต่อได้ลำหรับคนไทยอยากลุยเดี่ยวมี 1) เมืองปู่เน่ (ซึ่งฉันเคยเรียกผิดเป็นปูนา อยู่พักหนึ่ง) 2) เมืองบังกาลอร์ ซึ่งรู้สึกว่าจะเป็นที่นิยมมาก

Saturday, April 26, 2008

ก่อนย่างเท้าไปอินเดีย

ก่อนย่างเท้าไปอินเดีย
ฉันก็เหมือนคนไทยคนหนึ่งธรรมดา ๆ ทั่วไปที่คุณสมบัติอาจไม่ถึงค่าเฉลี่ยมาตรฐานคนไทยโดยทั่วไปโดยซ้ำไปในหลาย ๆ เรื่อง ช่วงชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดูกาลและเคยมีความใฝ่ฝันอยากผ่านหิมะ ผ่านฤดูใบไม้ผลิกับเขาบ้าง ก็ยังตามหาความฝันช่วงนี้ไม่เจอจนคิดความฝันใหม่ ๆ ออกมาลบล้างเจ้าความฝันนี้โปรแจคแล้วโปรแจคเล่าอยู่มิหยุดหย่อน
รอบนี้ฉันจะไปอินเดียสักหน ฉันรู้จักอะไรบ้างเกี่ยวกับอินเดีย ทำไมจึงอยากไป และอีกปลาๆๆๆๆๆที่คนรอบข้างถามฉันเมื่อฉันประกาศเจตนารมณ์อันติ้ง ๆ ต่อง ๆ ของฉันออกมา ฉันจะเลือกตอบเพียง 2 คำถามที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ การไปครั้งนี้ฉันตั้งใจว่าจะไปฝึกฝนการพูดและการฟังภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ ของฉันซะที เนื่องจากฉันเป็น make in Thailand รุ่นโบราณ ที่เจอฝรั่งวิ่งหนี เจอฝรั่งหลบหน้า และหากฉันไม่ต้องรับผิดชอบด้านการศึกษาก็ไม่กระไรหรอก แต่นี้ฉันอายเหลือเกิน เฮ้ออออออ หลายเฮ้อออออ เรียนแล้วเรียนเล่าตังส์หมด กระเป๋าแฟ๊บ สมองก็ยังกลวง ไปตายเอาดาบหน้าเต้อ........และผู้มีอุปการคุณในที่นี้ที่ฉันขออนุญาตออกนามคือน้องแป๊ะ ญาติผู้พี่แต่อ่อนวัยกว่าฉันนั่นเอง เป็นผู้จุดประกายฝันของฉันในเรื่องนี้ และฉันจะไม่มีวันลืมความช่วยเหลือของแป๊ะเลย ส่วนอีกข้อ เรื่องอะไรที่ฉันรู้เกี่ยวกับอินเดียบ้าง ในเบื้องต้น น่าใจหายจังน้อยมาก ฉันสอบผ่านวิชาภูมิศาสตร์มาได้อย่างไรนะ นึก ๆ แล้วน่าเศร้า แต่ไม่เป็นไรวิชาดันทุรังที่ลงทะเบียนไว้หลังจากจบมัธยมจะต้องถูกนำมาใช้
และฉันก็เริ่มเตรียมตัว

การเตรียมตัวของฉันอย่างหนึ่ง คือกระทำตนเป็นแมว แอบร้อง เมี๊ยวเมี๊ยวสืบ ๆ สอด ๆ แนม ๆ ข้อมูลจาก พี่วุฒิ พี่เคท แล้วในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์สิริกิต ฉันก็ได้เจอกับท่านทั้งสอง พี่วุฒิพูดเก่งมาก ๆ พี่เคทก็ยิ้มเก่งมาก ส่วนฉันนะหรึ เหรอ ๆ หรา ๆ แบบหลบมุมเปิดอ่านหนังสือฟรีของเขา ฉันพยายาม POST ภาพอันน่าปลาบปลื้มนี้แล้ว แต่วันนี้ไม่สำเร็จ ลาที มิใช่ลา โด ค่อยเจอกันใหม่ internet เจ้าเพื่อนยาก

ก่อนนะ

ก่อนจะลืม
บทที่1 เมื่อคิดขึ้นมา

หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเกิดความรู้สึกอยากเขียนอยากถ่ายทอดแล้วปล่อยให้มันผ่านเลยไปด้วยเรื่องของการเล่าเรียนในวัยเด็ก เรื่องของการแสวงหารูปแบบของการเขียนที่ถูกต้องในวัยเรียน เรื่องของการทำงานในวันทำงาน และเรื่องของอารมณ์ที่วูบไปวูบมาทั้งอารมณ์ปิติอิ่มไปกับสุขขณะนั้นจนเต็มตื้นหรือหว้าเหว่เหงาจนไม่อย่างจับต้องสิ่งใด


ในที่สุดวันนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเดินมาเกือบครึ่งชีวิต หรือกว่าครึ่งชีวิตแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ เป็นวันหนึ่งซึ่งเป็นอารมณ์ประเภทไหนกันแน่ฉันยังไม่แน่ใจ ตอนนี้ฉันมีทั้งผิดหวังกับเรื่องเล็ก ๆ ที่ฉันหวัง ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเล็กในอำเภอเล็ก ๆ จังหวัดนครปฐมมีตัวตนอย่างชัดเจน แต่ก็ยังแสวงหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปและโหยหาสิ่งเติมเต็มในชีวิตที่ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าคืออะไร ความต้องการอยากกลับบ้านที่พัทลุงเพื่อที่ชีวิตของฉันจะได้ลงตัวซะที่ แต่ฉันก็ยังไปไม่ได้เพราะภารกิจเรื่องการเรียนที่ฉันอยากจะให้มันเสร็จสิ้นในเร็ววันเป็นที่สุด ฉันอยากบันทึกอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และเรื่องที่ฉันคิดในตอนนี้ออกมาให้หมดอย่างเหลือเกิน ฉันเคยมีอารมณ์ที่รู้สึกว่ามันเหมือนน้ำที่ท่วมเอ่อทำให้คนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างฉันแทบขาดออกซิเจนอึดอัดหายใจไม่ออก กระเสือกกระสน ดิ้นร้นหาทางออก แต่วันนี้ฉันคิดว่าระดับน้ำในอารมณ์ของฉันยังไม่ท่วมถึงขั้นนั้น มันเหมือนกับมีระดับแค่เข่าที่ฉันเดินไม่สะดวกเปียกชื้น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคผิวหนังบางชนิดได้หากน้ำยังไม่ลด ฉันพยายามวิ่ง วิ่ง วิ่งให้เหมือนกับตอนที่ไม่มีน้ำมา ระยะหนึ่งกางเกงเริ่มเปียกสูงขึ้นแล้วเสื้อก็เริ่มเปียก ฉันจะทำอย่างไรดี หยุด ๆ หยุด สักพักตั้งใจคิดตั้งสติทบทวน และฉันก็ลังเลฉันควรจะวิ่งไปหาดินแดนที่น้ำยังท่วมไม่ถึงนั่งลงหาขันวิดน้ำที่ยังท่วมนี้ดี ฉันยังคิดไม่ออกเลย แต่นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากเริ่มเขียน

แม่ไม่เคยบอกว่าฉันเป็นคนสมาธิสั้น ฉันเองก็ไม่เคยไปหาหมอในเรื่องนี้ ตอนนี้ฉันเลยได้แต่นึกสงสัยตัวเองเพราะหลายต่อหลายครั้งที่ฉันชอบคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้ขึ้นมาพร้อม ๆ กันที่เดียวเต็มสมองไปหมด มันเพราะอะไรกันเหรอ เป็นอาการที่ฉันพยายามดิ้นรนทางความคิด หรืออาการหวาดระแวงกลัวจะเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใด ด้วยความที่ฉันเป็นมนุษย์เป็ดที่ว่ายน้ำได้ไม่เร็ว บินได้ไม่สูง และขันได้ไม่ไฟเราะเหมือนมนุษย์ไก่ เหล่านี้อาจประกอบกันจนเป็นสาเหตุทำให้ฉันกลายเป็นทั้งคนคิดมากและฟุ้งซ่านได้ในใจดวงเดียวกัน แต่จะไปกลัวอะไรแหละฉันมีหัวใจตั้ง 4 ห้องนะ เมื่อไหร่หนอ!!! ที่หัวใจห้องไหนรั่วไปฉันคงต้องคิดให้น้อยลง แต่อย่างไรก็ตามฉันก็รำคาญตัวเองอยู่เหมือนกันที่ฉันไม่อาจทำอะไรแบบที่ชาวโลกเขาเรียกว่าทำให้สุด ๆ ไปเลยได้ การที่ฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และการที่ต้องเริ่มต้นฝันใหม่อยู่บ่อย ๆ ฉันต้องการเป็นนักล่าฝันแบบเป็ด ๆ แน่

วันแรกที่ฉันเริ่มต้นเขียนคือวันแรกที่ฉันไม่กลัวน้ำอีกแล้วแม้ว่ามันจะท่วมสูงและฉันจะว่ายน้ำไม่เป็น วันนี้ที่ฉันยอมรับตัวเองจะอยู่อย่างคนสมาธิสั้นและพยายามจะฝันต่อมาก ๆ โดยไม่ต้องกลัวความผิดหวังให้ได้ ต่อจากนี้ฉันจะไม่ละอายใจที่จะป้องปากร้องเสียงขันแบบเป็ดในกลุ่มไก่ ดีใจจังนะเมื่อคิดและเขียนออกมาได้