Saturday, April 26, 2008

ก่อนนะ

ก่อนจะลืม
บทที่1 เมื่อคิดขึ้นมา

หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเกิดความรู้สึกอยากเขียนอยากถ่ายทอดแล้วปล่อยให้มันผ่านเลยไปด้วยเรื่องของการเล่าเรียนในวัยเด็ก เรื่องของการแสวงหารูปแบบของการเขียนที่ถูกต้องในวัยเรียน เรื่องของการทำงานในวันทำงาน และเรื่องของอารมณ์ที่วูบไปวูบมาทั้งอารมณ์ปิติอิ่มไปกับสุขขณะนั้นจนเต็มตื้นหรือหว้าเหว่เหงาจนไม่อย่างจับต้องสิ่งใด


ในที่สุดวันนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเดินมาเกือบครึ่งชีวิต หรือกว่าครึ่งชีวิตแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ เป็นวันหนึ่งซึ่งเป็นอารมณ์ประเภทไหนกันแน่ฉันยังไม่แน่ใจ ตอนนี้ฉันมีทั้งผิดหวังกับเรื่องเล็ก ๆ ที่ฉันหวัง ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเล็กในอำเภอเล็ก ๆ จังหวัดนครปฐมมีตัวตนอย่างชัดเจน แต่ก็ยังแสวงหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปและโหยหาสิ่งเติมเต็มในชีวิตที่ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าคืออะไร ความต้องการอยากกลับบ้านที่พัทลุงเพื่อที่ชีวิตของฉันจะได้ลงตัวซะที่ แต่ฉันก็ยังไปไม่ได้เพราะภารกิจเรื่องการเรียนที่ฉันอยากจะให้มันเสร็จสิ้นในเร็ววันเป็นที่สุด ฉันอยากบันทึกอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และเรื่องที่ฉันคิดในตอนนี้ออกมาให้หมดอย่างเหลือเกิน ฉันเคยมีอารมณ์ที่รู้สึกว่ามันเหมือนน้ำที่ท่วมเอ่อทำให้คนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างฉันแทบขาดออกซิเจนอึดอัดหายใจไม่ออก กระเสือกกระสน ดิ้นร้นหาทางออก แต่วันนี้ฉันคิดว่าระดับน้ำในอารมณ์ของฉันยังไม่ท่วมถึงขั้นนั้น มันเหมือนกับมีระดับแค่เข่าที่ฉันเดินไม่สะดวกเปียกชื้น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคผิวหนังบางชนิดได้หากน้ำยังไม่ลด ฉันพยายามวิ่ง วิ่ง วิ่งให้เหมือนกับตอนที่ไม่มีน้ำมา ระยะหนึ่งกางเกงเริ่มเปียกสูงขึ้นแล้วเสื้อก็เริ่มเปียก ฉันจะทำอย่างไรดี หยุด ๆ หยุด สักพักตั้งใจคิดตั้งสติทบทวน และฉันก็ลังเลฉันควรจะวิ่งไปหาดินแดนที่น้ำยังท่วมไม่ถึงนั่งลงหาขันวิดน้ำที่ยังท่วมนี้ดี ฉันยังคิดไม่ออกเลย แต่นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากเริ่มเขียน

แม่ไม่เคยบอกว่าฉันเป็นคนสมาธิสั้น ฉันเองก็ไม่เคยไปหาหมอในเรื่องนี้ ตอนนี้ฉันเลยได้แต่นึกสงสัยตัวเองเพราะหลายต่อหลายครั้งที่ฉันชอบคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้ขึ้นมาพร้อม ๆ กันที่เดียวเต็มสมองไปหมด มันเพราะอะไรกันเหรอ เป็นอาการที่ฉันพยายามดิ้นรนทางความคิด หรืออาการหวาดระแวงกลัวจะเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใด ด้วยความที่ฉันเป็นมนุษย์เป็ดที่ว่ายน้ำได้ไม่เร็ว บินได้ไม่สูง และขันได้ไม่ไฟเราะเหมือนมนุษย์ไก่ เหล่านี้อาจประกอบกันจนเป็นสาเหตุทำให้ฉันกลายเป็นทั้งคนคิดมากและฟุ้งซ่านได้ในใจดวงเดียวกัน แต่จะไปกลัวอะไรแหละฉันมีหัวใจตั้ง 4 ห้องนะ เมื่อไหร่หนอ!!! ที่หัวใจห้องไหนรั่วไปฉันคงต้องคิดให้น้อยลง แต่อย่างไรก็ตามฉันก็รำคาญตัวเองอยู่เหมือนกันที่ฉันไม่อาจทำอะไรแบบที่ชาวโลกเขาเรียกว่าทำให้สุด ๆ ไปเลยได้ การที่ฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และการที่ต้องเริ่มต้นฝันใหม่อยู่บ่อย ๆ ฉันต้องการเป็นนักล่าฝันแบบเป็ด ๆ แน่

วันแรกที่ฉันเริ่มต้นเขียนคือวันแรกที่ฉันไม่กลัวน้ำอีกแล้วแม้ว่ามันจะท่วมสูงและฉันจะว่ายน้ำไม่เป็น วันนี้ที่ฉันยอมรับตัวเองจะอยู่อย่างคนสมาธิสั้นและพยายามจะฝันต่อมาก ๆ โดยไม่ต้องกลัวความผิดหวังให้ได้ ต่อจากนี้ฉันจะไม่ละอายใจที่จะป้องปากร้องเสียงขันแบบเป็ดในกลุ่มไก่ ดีใจจังนะเมื่อคิดและเขียนออกมาได้

No comments: