บางครั้งสิ่งที่ได้จากการเดินทาง คือการสอนใจเรา คือการสอนให้เรารู้จักตัวเอง เหมือนที่ยิ่งเดินยิ่งไกล วันนี้ ยิ่งไปยิ่งได้เรียนรู้
Saturday, May 31, 2008
Hyderabad the pearls city
Tuesday, May 27, 2008
To my grandfather
Grandfather
My grandfather is a great man of who I by heart everything. He is intelligent and strong man but on the other hand he is quite sensitive. He can earn from hand to mouth, but he hardly has any suffering about his income. In the agricultural sector of Thailand for long time ago, the farmers never did in haste because they can take time the satisfied job. My grandfather gave a doctrine to me in this way, although he heard of it someday the agriculture society will be changed. At that time, I did not want to brake my grandfather’s heart because I did not believe his words. He is susceptible so he took to heart when I was stubborn.
I had a lot of experience with grandfather on account of this I am the first grandchild, he took me everywhere that he had gone. He made a history in my mind which I will unforgettable forever. “Here we are”, you live with me at the place of my hart never far a way from me. Sometimes when I had fallen down and need your suggestion, I know you are still there to sent your supporting words to me and said “here you are”. Therefore, I am ready to say “Here we go” and I will take to my heel from any obstacles anymore.
If you don’t have the initiative to do something, I don’t want to know what happens to you. In the term of my life, I don’t have idea to wait to hit the jackpot without doing anything. The life of my grandfather is part of me that he looks like out of job as you were criticized by the Western standard, but I insist that he was on the job by our tradition. Just now I know what is what and have dared to do any thing because of grandfather. I do justice to my carrier as he thought. Just in case I can not teach to anybody as he done, I hope when you read this work it is not a question of life, it is the way of living or the way of thinking. I and my grandfather are differently in a kind of human being, just now I still living and my life must be go on. You are just the same as me because we are going to goal too. It is out of the question to answer about the suitable raising life for me. I think that the life keeps to itself.
Sunday, May 25, 2008
Mr.Meak
Friday, May 23, 2008
Mr Teacher
น่าจะเป็น Mr. teacher เพราะสอน สอน สอนและก็สอน ตั้งแต่ 7.30น. ถึง 4 ทุ่มได้มั้งทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์วันเดียว class ของแซมน่าเรียนเพราะเป็นclass ที่ไม่ใหญ่ ประมาณ 4 คน แต่มีหลายรอบ ทั้งวันหมุนเวียนกัน แซมเป็นคนฉลาดในการคิดและการพูด วันแรกที่ฉันไปฉันก็บอกแกว่าจะมาเรียน แป๊ะเป็นคนบอกแซมไว้ก่อนแล้วว่าฉันจะไปเรียนนะ และก็บอกฉันว่าอยากเรียนอะไรก็ให้บอกแซม ฉันจึงเข้าไปด้วยความมั่นใจและบอกแซมว่าฉันต้องการมาฝึกฟังและพูดรวมถึงแกรมมานี่นิดหน่อย ไม่ถึงขั้นกับเน้นแกรมมา แซมบอกมาว่า OK ได้เลย งันเรียนกับชั้นเรียนตอน 9 โมงตรงถึง 10 โมงเป็นการพูดนะ และอีก 10-10.30 เป็นชั้นเรียนแกรมมา โอไก่อ่อนแต่เนื้อเหนียวอย่างฉันก็นึกว่าฉันต้องเข้าร่วม 2 กลุ่ม หรือ 2 ชั้นเรียนแน่ ๆ แล้วฉันก็ถามว่าจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่ แซมบอกว่าพรุ่งนี้เลยเพราะเห็นท่าทางอยากดูโน่นดูนี่อยู่ไม่สุขของฉันนั้นเอง ฉันก็ระริกระรื่นทันทีวันนี้วันแรกที่คุยทุกอย่างในต่างแดนอินเดียแห่งนี้ โอจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว บ่ายหน้าไปเดินเที่ยวต่อดีกว่า ด้วยความตื่นและเต้น
และมารู้ทีหลังว่าแซมนี้มีเทคนิคในการจัดการและการพูด เพราะชั้นเรียนที่ฉันคิดว่าแยกเป็น 2 อย่างนั้นรวมอยู่ด้วยกัน ฮ่าฮ่าฮ่า และอีกเรื่องคือแซมเห็นฉันลุกรี้ลุกล้นเลยบอกฉันว่าเริ่มได้พรุ่งนี้ ความจริงเรียนเสียหลังสมัครเลยก็ได้ โอแซม
หลังจากนั้นฉันก็เริ่มอยู่ตัว ในชั้นเรียนของฉันมีอีก 3 หนุ่ม รวมฉันด้วยจึงเป็น 4 คนที่กวน Mr. teacher ได้มากที่สุดคือ Levis หรือตาจีนไหหลำ ที่เป็นเจ้าของกางเกงยืน นั่นเกง ตะแกบอกใคร ๆ ว่าชื่อแกเหมือนสีวายส์นั่นแหละเรียกง่าย แต่แกก็ออกเสียงสีวายส์ว่าลีวีส์ ไม่เห็นเหมือนเลยสำหรับฉัน แต่ถ้าเองชื่อรีบอกซ์ อันนี้เหมาะเพราะตะแกน่าถีบ และเป็นลูกศิษย์ก้นกุษฏิของแชมมานานหลายแล้ว ไว้เขียนถึงผองเพื่อทีหลัง วันนี้ให้แชมเป็นพระเอกก่อน
การสอนของแซมสนุก เหมือนที่แป๊ะบอก และด้วยความเป็นอินเดียนับถือคริสของแซมทำให้มีการเอนเอียงไปแนวคริสต์ และพวกเราเลยได้ตามแซมไปโบสถ์คริสต์ในวันอาทิตย์ และมีโอกาสพบครอบครัวของแซมด้วย สมาชิกในครอบครัวที่สำคัญสำหรับแซมมากที่สุดน่าจะเป็นแม่แซม เพราะวันหนึ่งที่แซมมีสอบเลยนัดให้นักเรียนมาฟังการพูดเรื่องการจัดการความกลัวหรือ fear mangement ของแซมในตอนเที่ยง มีอยู่บางช่วงที่พูดถึงแม่และการให้กำลังใจของแม่ตอนที่เป็นเด็กและเรียนโรงเรียนคริสต์ครูคัดเลือกให้แซมไปพูดในที่ชุมชน แซมซ้อมให้แม่ฟังจนแม่พอใจ การพูดจูงใจให้คติ และการสอนที่ยกตัวอย่างประโยคได้ดีของแซมเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถอธิบายได้ชัดเจน บางคนยิ่งอธิบายคนฟังยิ่งคลุมเครือซึ่งรวมทั้งฉันด้วย และบ่อยครั้งที่แซมชอบเล่านิทานเรื่องขำขัน การเล่านิทานนี่น่าฝึกมาสำหรับการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เล่านิทานหรือเหตุการณ์อะไรก็ได้ให้คนเข้าใจ จะช่วยให้เราได้ฝึกฝนได้เยอะ ในวันพูดเรื่อง fear mangement มีอยู่หลายตอนและนิทายหลายเรื่องที่เป็นแง่คิด แต่ที่เห็นชัดเจนจากแซมที่สุดคือการสอนให้เชื่อมั่น ซึ่งอาจเป็นเพราะการเชื่อพระเจ้าหรืออิทธิพลของวัฒธรรมในอินเดียก็ได้ และการใช้เทคนิคHow to ของฝรั่ง ทุกคนที่มีการศึกษาในอินเดียจะพูดถึงเรื่องความสำเร็จ และความมุ่งมั่นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง
เรื่องที่แซมพยายามสอนพวกเรามากอีกเรื่องคือการดูหนัง การมาเรียนภาษาที่อินเดีย และมาเรียนเช่นฉันนี้เขาก็จะรู้ว่ามีเงินไม่มาก และโดยเฉลี่ยการดูโทรทัศน์เป็นไปได้อยากมาก เนื่องจากอะไรนั้นค่อยพูดต่อไป มีหลายสาเหตุ แซมก็จะมีหนังและเพลงให้ยืมโดยยืมมาจากของแซมที่เก็บไว้ส่วนตัวหรืออะไรก็ตามจะเป็นแผ่น DVD ที่มีหลายเรื่องมาก 3-4 เรื่องมั้งต่อแผ่น และก็แก้นิสัยการอ่าน subtitle ได้ชงัดเพราะไม่มีนะเอย จบลงก่อนในตอนนี้
Thursday, May 22, 2008
เรียนรู้อินเดีย
มีคนไทยหลายคนที่คิดเรื่องอินเดียอยู่ไม่กี่เรื่อง เชื่ออยู่ไม่กี่อย่าง และมองแค่สิ่งที่เห็น แต่ไม่คิดถึงสิ่งที่เป็น อ่านบทควาบทนี้แล้วเห็นด้วยเลยขออนุญาติเผยแพร่เท่าที่ทำได้ ไม่ได้ต้องการเนื้อหา แต่พออ่านแล้วได้คิด เรามีนิทานเรื่องคนหาปลาอยากมีปลากินนาน ๆ ต้องทำอย่างไร คำตอบคือต้องคิดเป็นก่อน และทำได้ตามมาเน้อ
เป็นบทความที่น่าอ่านเป็นอย่างยิ่ง จาก เรียนรู้อินเดียในศิลปวัฒนธรรม โสภนา ศรีจำปา19/1/2551 สัญจร /
เรื่อง เรียนรู้อินเดีย ศรัทธา–ศิลปะ–วิศวกรรม
ประสบการณ์การเรียนรู้ในอินเดียของดิฉัน ด้านหนึ่งทำให้เห็นวัฒนธรรมการกินอาหารของชาวเมืองเชนใน หรือในรัฐทมิฬนาดูแล้ว เรื่องนับถือศาสนาเป็นอีกมุมหนึ่งที่ชาวอินเดียมีความผูกพันอยู่กับร่างกาย
ท่านสังเกตไหมว่าหน้าผากของชาวอินเดีย โดยเฉพะผู้ชายจำนวนไม่น้อยจะมีขีดสีขาว 3 เส้นพาดขวางเต็มหน้าผาก มีจุดแต้มสีเหลืองอยู่ตรงกลางบ้าง บางคนก็ขีดสั้นๆ สีขาว บางคนมีขีดสีแดงเส้นเดียวขีดยาวสัก 1 นิ้วครึ่งบางๆ จากระหว่างคิ้วขึ้นไป ส่วนผู้หญิงก็มีจุดแดงกลมแต้มที่หน้าผาก เขาทำเป็นเรื่องปกติ
ทุกเช้าชาวอินเดียตื่นนอนแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหาร และบูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือพร้อมถวายอาหาร ดัง นั้นเมื่อบูชาแล้วเขาจะแต้มเถ้าหอม หรือผงหอมที่หน้าผาก เสร็จแล้วเตรียมตัวไปทำงาน ไม่เพียงเท่านั้นหากท่านได้เข้าไปกราบไหว้ในวัดแขก จะเห็นบรรยากาศของความศรัทธาของศาสนิกฮินดูไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน
ในขณะที่โบราณสถานของอินเดียมีมากมายที่อลังการ สวยงามเกินความสามารถของมนุษย์ยุคปัจจุ บันที่จะสร้างสรรค์ให้เท่าเทียมได้ซึ่งเกิดจาก “ศรัทธา” ของศาสนิกอย่างแท้จริง แม้จนทุกวันนี้เราก็ยังสัมผัสได้ในความศรัทธาของศาสนาอื่นๆ และพิธีกรรมต่างๆ ที่มีอยู่จำนวนมากในอินเดีย
ที่รัฐทมิฬนาดู มีผู้ชายจำนวนมากนุ่งโสร่งทั้งยาวและสั้น ลักษณะพับปลายล่างทบครึ่งมาสอดไว้ที่เอว คล้ายนุ่งกระโปรงสั้น เขานุ่งออกไปนอกบ้านเป็นเรื่องธรรมดา การไม่ใส่รองเท้าก็เป็นเรื่องธรรมดาของเขา ศาสนิกชาวฮินดูถอดรองเท้าเข้าวัดและเดินเท้าเปล่ากันไกลๆ เป็นเรื่องปกติแม้พื้นจะร้อนมากก็ตาม
คนอินเดียมีกุศโลบายที่อยู่กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างมีศิลปะ หากท่านผ่านหน้าบ้านของชาวฮินดูที่เชนไน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรืออพาร์ตเมนท์ท่านจะเห็นลวดลายศิลปะสีขาวๆ ตกแต่งไว้หน้าประตูบ้าน ทั้งยังเปลี่ยนลวดลายได้ทุกวัน ศิลปะนี้เรียกว่าโกลัม (Kolam) อันกรรมวิธีเดิมทำจากข้าวสารบดเป็นผง แล้วนำมาโรยเป็นลวดลายสวยงามแทนที่จะโยนๆ โปรยๆ ให้สัตว์กินไปตามธรรมชาติ
ที่เมืองเชนไนนั้นสองข้างทางนอกเมืองเป็นทุ่งโล่งๆ คล้ายบ้านเรา ซึ่งเพื่อนบอกว่าที่ดินนอกเมืองเริ่มแพง เพราะนักธุรกิจซื้อไว้ทำโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ตามรายทางมีปรากฏให้เห็นอยู่ประปรายบ้างแล้ว
นอกจากนี้สิ่งที่เห็นว่ามีมากตามเส้นทาง คือมหาวิทยาลัยเอกชน ทางด้านวิศวกรรมและการแพทย์หลายแห่งเป็นอาคารใหม่กว้างใหญ่และสวยงาม เพื่อนบอกว่าเป็นของนักการเมือง เพราะเป็นสาขาที่เป็นที่นิยม มีคนเรียนมาก คนที่มีฐานะดีก็สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนได้ ค่าเรียนแพงจึงสามารถจ้างอาจารย์ดีๆ มาสอนได้ แสดงให้เห็นว่ารัฐเตรียมความพร้อม เตรียมคนเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม
ถนนหนทางออกไปนอกเมืองรถเยอะมาก การขับรถในอินเดียหาระเบียบได้ยากทั้งในและนอกเมือง คนอินเดียเองก็บ่นกันเอง คนอินเดียที่เคยมาเมืองไทยก็ชมว่าการจราจรไทยเป็นระเบียบกว่ามาก เพราะของเขาขับอย่างไม่มีกฎเกณฑ์ ปาดไปปาดมา รถบรรทุกหนักๆ วิ่งทางขวาบังรถเล็กที่วิ่งเร็วกว่าอย่างน่าโมโหทีเดียว เราจึงได้ยินเสียงแตรรถดังสนั่นตลอดทาง เราต้องทำใจ อย่าไปหงุดหงิดอารมณ์เสียตาม
ชาวเชนไนใช้รถยนต์คันเล็กๆ ที่ผลิตในประเทศ เพื่อประหยัดน้ำมัน มีสามล้อเครื่องสีเหลือง มีแท็กซี่ที่โทรนัดหมายให้มารับ รถเมล์ในเมืองหน้าตาเก่าๆ ไปคราวนี้ไม่มีโอกาสได้ลองขึ้นรถเมล์เพราะเพื่อนๆ ชาวเชนไนบริการรับส่งตลอด แต่มีโอกาสได้ลองนั่งรถไฟชานเมือง เพราะไปเยี่ยมที่ทำงานเพื่อนท่านผู้ว่าการรถไฟเชนไน
สถานีรถไฟเก่าแก่มาก อาคารที่ทำการเป็นตึกสร้างสมัยอังกฤษซึ่งเป็น landmark ของเมืองทาสีแดงสวยงาม เมื่อเข้าไปสำรวจแต่ละห้องจะเต็มไปด้วยโต๊ะทำงาน และกองเอกสารเต็มไปหมด ความสะอาดนั้นดูจะไม่ได้ใส่ใจกันมากนัก
ใครที่เคยไปเมืองเชนไน นั่งรถไฟสายชานเมืองจะรู้ดีว่าเป็นรถไฟฟ้า มีที่นั่งกว้างประมาณเกือบสองเมตร แล้วก็คิดว่าเมืองไหนๆ ก็คงเหมือนกันหมดที่นั่งกว้างกว่ารถไฟไทยมาก เราผ่านสถานีรถไฟที่กำลังปรับปรุงหลายแห่งใหญ่ๆ และเมืองเชนไนกำลังพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมไอที นั่งรถชมวิวสวยงามและอากาศดี
เมืองเชนไนนั้นนับเป็นเมืองที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรมมาก ทำให้เรื่องอื่นๆ ของเมืองเป็นเรื่องเล็กมาก และทว่าไปคนอินเดียก็เหมือนคนชาติอื่นๆ มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคนว่าจะพบคนดีมากกว่าหรือคนไม่ดีมากกว่ากัน แต่ต้องไม่เหมารวมว่าคนชาตินั้นชาตินี้เป็นเช่นนั้นเช่นนี้
หากเราเป็นผู้ให้ก่อน เราจะได้ใจคนเสมอ คนอินเดียเช่นกันจำนวนไม่น้อยที่มีความกตัญญูรู้คุณ มีจิตใจเอื้ออาทร ใจบุญ ตอบแทนคุณ ช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งทำให้สังคมอินเดียยังอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขในท่ามกลางความหลากหลาย ในขณะเดียวกันอินเดียก็พัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ไอที วิศวกรรมอวกาศจนติดอันดับโลกไปแล้ว
ความเป็นอินเดียมีทั้งวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมที่ยังคงอยู่และเข้มแข็ง ในขณะเดียวกันก็พัฒนาเทคโนโลยีให้เจริญก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน แบบไม่เสียสมดุลย์ เราจะหาประเทศที่มีสองลักษณะที่กลมกลืนกันอย่างอินเดียได้ยากแล้วในโลกยุคโลกาภิวัตน์นี้ นี่เป็นเสน่ห์ของอินเดียอย่างแท้จริง
ประเทศไทยเราเหลือวัฒนธรรมที่ดีงามอยู่ไม่มากแล้ว มีแต่ความเปราะบาง ฉาบฉวยในความเป็นคนไทยยุคใหม่รับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาอย่างไม่มีข้อจำกัดและไม่รู้จักเลือกรับ อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ก็รู้สึกว่าน่าเป็นห่วงจริงๆ
ในทัศนะของนักธุรกิจชาวอินเดียด้านไอทีมองเมืองไทย มิได้เป็นคู่ค้า แต่เป็นพียงแค่คนผ่านทางมาเพื่อต่อเครื่องบินไปจับมือกับนักธุรกิจชาวจีน เพราะชาวจีนเปิดตัวเอง กระตือรือร้น หนักเอาเบาสู้ ตลาดก็ใหญ่กว่า ซึ่งเมื่อไหร่คนจีนพัฒนาภาษาอังกฤษได้มากขึ้น โลกทั้งใบจะอยู่ในมือของสองชาติมหาอำนาจนี้ในยุคต่อไป
หากเราไม่ปรับเปลี่ยนทัศนะการค้าขาย การติดต่อกับต่างประเทศแบบเชิงรุกแล้ว เราก็คงอยู่แบบทรงๆ ไปอย่างนี้ อย่าไปหวังเลยว่าเราจะไปแข่งขันอะไรกับใครในโลกใบนี้ เพื่อให้เป็นที่รู้จักหรือยอมรับของต่างชาติได้
ครั้งหนึ่ง ดร. กฤษณพงศ์ กิรติกร อดีตเลขาธิการคณะกรรกมการอุดมศึกษา เคยแสดงทัศนะไว้ว่า ยุคต่อไปจะเป็นยุคที่เรียกว่า CHINDIA (China และ India) ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ หากเราไม่เตรียม พร้อมที่จะเรียนรู้ เพื่อให้รู้จักและเข้าใจประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเดียที่มีความซับซ้อนทั้งด้านประวัติศาสตร์ สังคม และความรุ่มรวยทางด้านศาสนา ปรัชญาและวัฒนธรรมแล้วเราจะไม่เข้าใจ
ไม่คิดจะเข้าถึง ปิดประตูเพราะมีความฝังใจที่ผิดๆ ไว้ในสมองแล้ว สุดท้ายประเทศชาติจะเสียประ โยชน์ เพราะถึงแม้ปัจเจกจะปฏิเสธที่จะไม่อยากทำความรู้จัก แต่โลกไร้พรมแดนไม่อาจทำให้ประเทศใดอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้อีกต่อไป
ทุกประเทศได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านคงจะพิจารณาตัดสินใจได้ว่าควรจะเตรียมตัวเองแบบไหน เพื่อให้เป็นคนที่มีคุณค่าและช่วยประเทศชาติได้เมื่อยามที่ชาติต้อง การ มิฉะนั้นแล้วเราจะขาดแคลนคนที่รู้จักเรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในภูมิภาคยามที่ชาติต้องการเหมือนในอดีตที่ผ่านมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เคยเตรียมการให้ทันกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลกเลย
Tuesday, May 20, 2008
Kolam
ลวดลายนี้เรียกว่า โกลัม (Kolam) หรือ คอรัม หรือ รังโกลี การโปรยหรือการวาดลวดลายนี้เท่าที่เห็นเป็นหน้าที่ของเด็กและผู้หญิง
เหตุผลจริงๆของสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวก็เพื่อแบ่งอาหารให้มด โกลัมเป็นงานศิลป์ที่ผู้เป็นแม่ถ่ายทอดให้ลูกสาว ในเทศกาลปองกัล สตรีทุกคนต่างพากันทำโกลัมของตนอย่างสุดฝีมือเพื่อเป็นการทำบุญ ดังนั้นการให้อาหารมดกับการสร้างสรรค์ศิลปะจึงบรรสานสอดคล้องกัน" ตัวต้นฉบับหน้าอ่านเข้าไปใหญ่ ที่blog เดียวกันนี้ http://cyanac.blogspot.com/2007/06/ant-carrying-wild-lettuce-seed-source.htmlอยากให้อ่านบทความฉบับจริงเรื่องนี้สำหรับวิกฤตการอาหาร
Monday, May 19, 2008
mango juice
Friday, May 16, 2008
The king of fruit in India
Thursday, May 15, 2008
English article
According to the discovery of Ian Wilmut, he became outstanding of the natural scientist in new world. His work is out of breath the scientist who believed in the fertilization is only one way for life genesis. He was accepted from the scientists and his results lead to auto transplant for the patients who suffer because their kidney out of action. Many patients can not event add in the kidney of sun or daughter. Therefore Ian Wilmut’ s work is hope for them. The long living without physical disorder is, above all else, highest target on account of the live is only thing that people can not buy to the destiny of them.
Dolly’ s technology of Ian Wilmut add up in the group of cloning technology. Dolly’s mother give birth to Dolly after all did not fertilization by the normal processes. Before dolly was born, teams of Dr. Wilmut worked hard again and again in aid of the hypothesis. They realize that the reliability can not be proofed all of a sudden. Whenever the work is all over that is time of happiness along with them.
The best part of Dolly is the symbol of try and the way of success of human. The teams can do although it is opposite to the previous theory which was reasonable for a long time. Every true in this planet was accumulated bit by bit of testimony. Did you ever do your best for something? If you don’t have bed of rose, you should fix your life with ambitions. We are on the same boat as many people and we should accept that success is one in a blue moon. However it is not impossible. I believe that you are on the brain, try to proof it by yourself by and by. As same as the way of Ian Wilmut and his team was show to everybody.
Wednesday, May 14, 2008
Indian Shoes
Tuesday, May 13, 2008
GOODS PRICES
Monday, May 12, 2008
Many kind of fruit and food at HYD
My first Article at RISE
This is the located of RISE sproken, I is very nice and my teacher's name is Mr. Sam. Please, you should call him just Sam, not uncle Sam.
The second day I wrote this article that make from the vocabvolary which my teacher assign.
my article is
Our friendship commenced at RISE Spoken English private school. We are the real international class because it consists of the people who come from Chinese Thailand and Saud Arabia. Especially our Indian teacher who can speak both of beautiful English, Hindu, and sometimes he sings Arab songs. In the near time, if he continues to collected Chinese vocabulary, he will be a complete language teacher. At the time which coming, we should clap a big hand to him.
As the first time that I joined in the class, my worry collapsed, although I sat up close to the new friend. He is a friend who can clarify the confused thing to clear and clean. Whenever he could not explain by himself, he doesn’t hesitate to cling to his talking dictionary to confirm the answer. Every time that I communicate with him, I fill comforted. However, he has more experience than me, he never before commands me to do anything.
The next friend, he has a dream to climb up The Everest Mountain. He concentrates to study computer science in Hyderabad. Always, he has a good comment and prefers to share the commitment about the public policy with open mind. I consider that he will grow up and click to the development of the new world.
The last but not least, my best friend who can conduct me about everything and he was the first guy that I could contact at the first time in Hyderabad. He has a good-looking hair style because he combs his hair by Thai comb which combines ancient wisdom and NaNo technology together. By the way, my English class coincides with him so we go to the class at the same time everyday. Last Monday, on the way to class room, we had seen the truck collide with the motorcycle. On the road, it contained the people who only congregated to watch an accident without taking any action. I am concern about the wound of motorcycle driver it had risk of contaminating with germs. I companied about that dangerous situation, but he consulted me to climb down and try to conceal my anger. However, I believed him after that I realized his idea is corrected. I can not speak Hindi or even English so I can not help anyone. Now, I hope to graduate in speaking English class at RISE with fluent skills to communication world wild because I have both good classmates and excellent teacher.
bye see you soon
Addvertisment in Newspaper
Saturday, May 10, 2008
Air India and Indian
Wednesday, May 7, 2008
Monday, May 5, 2008
My journey to Hyderabad
แล้วพวกเราก็นั่งอยู่ในร้านอาหารชั้น ล่างของสนามบินสุวรรณภูมิ ชื่อร้าน Caffe Nero
13.00 น. แล้ว รีบตรงดิ่งไปติดต่อ check in ทันที่
สนามบินสุวรรณภูมิ
แลกเงินไทยเป็นUS 32 B/1USD
13,984 บาท ได้มา 437 USD จ้า
อัตราเงินซื้อขายแลกเปลี่ยน USD/Rupee
ซื้อ 38.11 ขาย 42.96
700 USD ได้มา 26,677 Rupee เต็ม เป๋าเลย
มีธนบัตร 500 Rupee, 100 Rupee, 50 Rupee, 10 Rupee
มีเหรียญ 5 Rupee, 1 Rupee
ดังนั้นสิ้นสุดการแลกเปลี่ยนของฉันสรุปว่า (อัตรา ณ. 3 พ.ค. 51)
1 บาท= 1.2293 Rupee หรือ 0.8134 Rupee=1 บาท